Saturday, October 28, 2006

อาหาร เพิ่มภูมิคุ้มกัน

วันนี้​เรามารู้จักอาหารแปดชนิดที่​ช่วย​เพิ่มภูมิคุ้ม​กัน​กัน​ดีกว่าน่ะครับ​ ​แบ่ง​เป็น​สี่ตอนน่ะครับ​
​เกริ่น​กัน​ซะนิดก่อนกว่าภูมิคุ้ม​กัน​ก็คือเซลล์​เม็ดเลือดขาวของเรานั่นเอง​ ​ที่​เป็น​เสมือนทหารฝีมือดีคอยต่อสู้​กับ​เชื้อโรค​ ​หรือ​การติดเชื้อ​ได้​ ​บางครั้งร่างกายเราอาจ​จะ​อ่อนแอ​ ​หรือ​ติดเชื้อ​ได้​ง่ายอัน​เนื่อง​มา​จาก​ภูมิคุ้ม​กัน​เราอ่อนแอ​ ​หรือ​ไม่​มีประสิทธิภาพเพียงพอ​ ​ดัง​นั้น​เราก็ควร​จะ​มาทานอาหารที่​ช่วย​เพิ่มภูมิคุ้ม​กัน​ของเรา​เพื่อต่อสู้​กับ​เชื้อโรคน่ะครับ

Vitamin C ​และ​ Beta carotene ​เป็น​อาหารต้นๆ​เลย​ใน​การเพิ่มภูมิคุ้ม​กัน​ของเรา​ ​การวิจัยชี้ว่าวิตามินซี​ช่วย​ใน​การเผาผลาญไขมันที่​อยู่​ใน​เลือดเราก่อนที่มัน​จะ​สะสม​เป็น​แผ่นๆ​เกาะตามผนังเลือด​ซึ่ง​เป็น​ต้นเหตุของโรคหัวใจล้มเหลว​ ​และ​โลหิต​ใน​สมองแตก​ ​การวิจัยอีกชิ้นหนึ่งชี้​ให้​เห็นว่า​ Beta carotene ​สามารถ​ป้อง​กัน​การเกิดมะ​เร็ง​โดย​กระตุ้น​ให้​สร้างภูมิคุ้ม​กัน​เพิ่มขึ้น​ ​การวิจัยชิ้นนี้ทำ​ให้​เห็นว่าสาร​ Beta carotene ​ได้​ไป​ช่วย​กระตุ้น​ ​ภูมิคุ้ม​กัน​ของเราตัวหนึ่งที่ชื่อว่า​ macrophages ​ที่​จะ​ผลิตสารที่ชื่อว่า​ tumor necrosis factor

​ซึ่ง​มี​ความ​สามารถ​ใน​การกำ​จัดเซลล์มะ​เร็ง​ ​นอก​จาก​นี้การที่​เราบริ​โภคสาร​ Beta carotene ​ยัง​ช่วย​ไปกระตุ้นการสร้าง​ T-cell lymphocytes ​และ​ภูมิคุ้ม​ใน​ร่างกายที่คอยทำ​ลายเชื้อโรค​ ​ให้​เพิ่มขึ้นอีก​ด้วย​ ​อย่างไรก็ดี​เพื่อนๆ​ควรระวัง​ใน​การไปซื้อวิตามินที่มี​แต่​ Beta carotene ​มาบริ​โภค​เพราะ​การที่​เราบริ​โภคมากเกินไป​ ​เพราะ​การที่บริ​โภค​ Beta carotene ​ที่มากเกินไป​ ​ร่างกายเราก็​จะ​เปลี่ยนไป​เป็น​วิตามิน​ A ​ซึ่ง​ก็​เป็น​สารที่มีประ​โยชน์​ใน​การเพิ่มภูมิคุ้ม​กัน​ ​กับ​ป้อง​กัน​มะ​เร็ง​ ​แต่การที่มี​ ​วิตามิน​ A ​ใน​ร่างกายมากเกินพอดีก็อาจ​เป็น​พิษ​ได้​ ​ทางที่ดี​เราควรทานอาหารที่มีสาร​ Beta carotene ​แล้ว​ให้​ร่างกาย​เป็น​ตัวควบคุม​โดย​ดีกว่า​
​แหล่งอาหารทีมีวิตามินซีสูง​ ​ผักสด​, ​ผลไม้สด​ ​ที่มีรสเปรี้ยว​ ​เช่น​ ​ส้ม​ ​มะขามป้อม​ ​มะ​เขือเทศ​ ​แตงโม​ ​สัปปะรด​ ​มะละกอ​ ​มะนาว​ ​สตอเบอรี่​ ​ผักใบเขียวต่างๆ​ ​บลอคโคลี่​
​อาหารทีมี​ Beta carotene ​ใน​ปริมาณสูง​ ​เบต้า​แคโรทีน​ ​พบ​ใน​อาหารประ​เภท​ ​ผักผลไม้ที่มีสี​เหลือง​ ​และ​ ​ส้ม​ ​ถึง​แดง​ ​เช่น​ ​ผลไม้สุกต่างๆ​ ​แครอท​ ​ฟักทอง​ ​ข้าวโพด​ ​ขนุน​ ​มะ​เขือเทศ​ ​ตลอดจนผักเขียวเข้ม​ ​เช่น​ ​คะน้า​ ​บรอคคอลี่


Bioflavenoids ​การวิจัยชี้​ให้​เห็นว่าสาร​ Bioflavenoids ​ช่วย​ใน​การเพิ่มภูมิคุ้ม​กัน​ของร่างกาย​ ​อีก​ทั้ง​ยัง​ช่วย​ป้อง​กัน​การติดเชื้อของเซลล์​ใน​ร่างกาย​ ​ทำ​อย่างไงเหรอครับ​ ​คิดแบบง่ายๆ​ว่า​ ​เซลล์​ใน​ร่างกายของเรา​เหมือนห้างสรรพสินค้าน่ะคับ​ ​ซึ่ง​แต่​เชื้อโรคแต่ละตัวก็​เหมือนคนที่​จะ​มา​เที่ยวห้างแต่ก็​ต้อง​หาที่จอดรถก่อนที่​จะ​เข้า​มา​ใน​ห้าง​ใช่​ไหมครับ​ ​คราวนี้​ถ้า​มันจอดรถ​ไม่​ได้​มันก็​จะ​เข้า​ห้าง​ไม่​ได้​ ​แต่​ถ้า​มันหาที่จอด​ได้​ ​มันก็​จะ​เข้า​ไปเพลิดเพลิน​ใน​เซลล์ของเรา​ ​ที่จอดรถตามห้างเนี่ยแหละครับเรา​เรียกว่า​ receptor sites ​คราวนี้​ถ้า​เรามีสาร​ Bioflavenoids ​สารนี้มัน​จะ​ไปจอดตามที่จอดรถ​ทั้ง​หมด​ ​ซึ่ง​ก็​จะ​ไม่​ปล่อยโอกาส​ให้​เชื้อโรคต่างๆ​หาที่จอด​ ​หรือ​ ​เข้า​สู่​เซลล์​เรา​ได้​ง่ายๆ​เลยน่ะครับ​ ​นอก​จาก​นี้การวิจัย​ยัง​ชี้​ให้​เห็นว่าการบริ​โภคอาหารที่มีสาร​ Bioflavenoids ​ยัง​ช่วย​ลดการเกาะตัวของแผ่นไขมัน​ใน​หลอดเลือของเรา​ซึ่ง​เป็น​สา​เหตุของโรคเลือดตีบตัน​
​สารอาหารที่มีสาร​ Bioflavenoids ​สูง​ ​ซึ่ง​ก็​จะ​คล้าย​กับ​สารอาหารที่พบ​ใน​ ​วิตามินซี​ ​กับ​ Beta carotene

Zinc (สังกะสี) ​ไม่​ใช่​ที่​เห็นตามหลังคาบ้านน่ะคับ​ ​อัน​นั้น​ไม่​อร่อย​ ​จาก​การวิจัยพบว่า​ ​สารอาหาร​ Zinc ​ช่วย​ร่างกาย​ใน​การผลิตเม็ดเลือขาว​ ​เพื่อ​ใช้​ใน​การต่อสู้​กับ​เชื้อดรค​ ​อีก​ทั้ง​ ​ยัง​ช่วย​ไปกระตุ้นการผลิต​ ​เซลล์นักฆ่า​ใน​การฆ่า​เซลล์มะ​เร็ง​ ​หรือ​สิ่งแปลกปลอม​อื่น​ ​ทั้ง​ยัง​ช่วย​ใน​การที่​เม็ดเลือดขาว​ใน​การผลิตสาร​ antibodies ​ซึ่ง​เป็น​ตัว​ช่วย​จับสิ่งแปลกปลอมที่​เข้า​มา​ใน​ร่างกาย​ ​อย่างไรก็ดีการบริ​โภคอาหารที่มีปริมาณของ​ Zinc​มากกว่า​ 75 milligrams ​ภาย​ใน​หนึ่งวัน​ ​มันก็​จะ​ไปหยุดการทำ​งานของระบบภูมิคุ้ม​กัน​ได้​ ​ทางที่ดี​เราควร​จะ​บริ​โภค​ Zinc ​อยู่​ใน​ปริมาณ​ 15 to 25 milligrams ​ภาย​ใน​หนึ่งวัน​


​แหล่งที่มีปริมาณ​ Zinc ​สูง​ ​หอยนางรม​ (6 ​ตัว​ ​มี​ Zinc ​ประมาณ​ 76 mg) ​ปู​ (3 ​ออนซ์​ ​มี​ Zinc ​ประมาณ​ 7 mg) ​เนื้อวัว​ (3 ​ออนซ์​ ​มี​ Zinc ​ประมาณ​ 6 mg) ​เนื้อไก่​ (3 ​ออนซ์​ ​มี​ Zinc ​ประมาณ​ 3.8 mg) ​ถั่ว​ (ครึ่งถั่ว​ ​มี​ Zinc ​ประมาณ​ 1.2-1.8 mg)


​กระ​เทียม​ ​จริงสารอาหารที่พบ​ใน​กระ​เทียม​เป็น​สารที่​ช่วย​เพิ่มภูมิคุ้ม​กัน​เหมือน​กับ​สารที่พบ​ใน​หัวหอมน่ะครับ​ ​ซึ่ง​การวิจัยชี้​ให้​เห็นว่าสารอาหาร​ใน​กระ​เทียม​ช่วย​เม็ดเลือดขาว​ใน​การต่อสู้​กับ​เชื้อโรคต่างๆ​ ​อีก​ทั้ง​ยัง​ช่วย​เพิ่มปริมาณการผลิตของเซลลืนักฆ่าอีก​ด้วย​ ​ซึ่ง​จำ​เป็น​สำ​หรับการกำ​จัดสิ่งแปลกปลอมที่​เข้า​มา​ใน​ร่างกาย​ ​สารที่ว่านี่​ใน​กระ​เทียมเชื่อว่า​เป็น​สาร​ซึ่ง​มี​ ​ซัลเฟอร์​เป็น​องค์ประกอบที่ชื่อว่า​ allicin ​นอก​จาก​คุณสมบัติ​ใน​การเพิ่มภูมิคุ้ม​กัน​ ​กระ​เทียม​ยัง​ช่วย​กำ​จัดอนุมูลอิสระ​ ​ซึ่ง​เป็น​ตัวการของมะ​เร็ง​ ​และ​รอยเหี่ยวย่น​ ​และ​ริ้วรอยต่างๆ​


​การบริ​โภคกระ​เทียมบ่อยครั้ง​ ​ยัง​ช่วย​ป้องการมะ​เร็งต่างๆ​ ​โดย​เฉพาะมะ​เร็ง​ใน​ลำ​ไส้อีก​ด้วย​ ​นอก​จาก​นี้สารอาหารใรกระ​เทียม​ยัง​ช่วย​ป้อง​กัน​การจับตัวของไขมัน​ใน​เส้นเลือด​ซึ่ง​เป็น​ตัวการของโรคเส้นเลือดตีบตัน​ ​เพื่อนลองมา​เริ่มต้นทานกระ​เทียม​กัน​ดีกว่าน่ะครับ​ ​ยิ่งสดๆ​ด้วย​ยิ่งดี​ ​รู้ว่าอาจ​จะ​ไม่​ชอบ​ ​ลองเอากระ​เทียมมาหั่น​แล้ว​ใส่​ไป​ใน​พริกน้ำ​ปลาสิคับ​ ​ข้าวกระ​เพราะ​ร้อนๆ​ไข่ดาวโป๊ะ​แล้ว​ราด​ด้วย​พริกน้ำ​ปลากระ​เทียมเยอะๆ​ก็​ไม่​เลวน่ะครับ​ ​เวลารีบๆ
by knifelife

Monday, October 23, 2006

Green tea

Green tea has become one of the most popular drinks in the world The Japanese have been drinking green tea daily for hundreds of years. Look at them They live longer have healthier hearts and have lower amounts of cancers. Now green tea is everywhere! And certainly not because it tastes better than Starbucks frappuccino. Rather, because it is good for your health. Research after research has simply agreed on one thing: Green tea may be beneficial to your health and weight loss.

Widely considered as a healthy drink, green tea has a lot of possible benefits for your health. It contains truckloads of polyphenol and catechins antioxidants. Actually, green tea has 4 times the concentration of antioxidant catechins than black tea and 10 times the amount of antioxidants found in fruits and vegetables! And green tea is often quoted to help with a number of health problems and diseases.

ประโยชน์ของชาเขียว (Green Tea)

ชาเขียว กับมะเร็ง
การดื่มชาเขียวอาจจะช่วยลดการก่อมะเร็งได้ เนื่องจากปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียวมีประสิทธิภาพมากกว่าวิตามิน C ถึง 100 และ vitamin E ถึง 25 เท่า สารต้านอนุมูลอิสระเชื่อว่าช่วนป้องกันเซลล์ของเราจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ เพื่อนๆที่เรียนเคมีคงกันดีกับอนุมูลอิสระ
ชาเขียว กับโรคหัวใจ
เช่นกันชาเขียวสามารถป้องกันโรคหัวใจรวมทั้งเส้นโลหิตในสมองแตกเนื่องจากช่วยลดปริมาณของระดับ cholesterol ข้อดีของชาเขียวอีกก็คือแม้ว่าเราจะมีอาการของโรคหัวใจและเส้นโลหิตในสมองแตกแล้ว (คือแตกแต่ส่ง รพ ทันน่ะครับ) ชาเขียวยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ของหัวใจรวมถึงช่วยไม่ให้เซลล์ของเราตายและขยายพื้นที่ต่อไป
ชาเขียว กับการชะลอความแก
อันนี้ชอบเป็นพิเศษชาเขียว ยังมีคุณสมบัติชะลอความแก่ เนื่องจากมีสารที่ชื่อว่า polyphenols ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารสำคัญในการทำลายเซลล์ของเรา ดังนั้นถ้าเราดื่มชาเขียวเราจะเยาว์วัยได้ อิอิ
ชาเขียว กับการ ลดความอ้วน
ชาเขียว ยังช่วยไปเผาผลาญปริมาณไขมันในร่างกายของเพื่อน นอกจากนี้ยังไปช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญการย่อยสลายอาหารและสารอาหารที่สะสม ซึ่งถ้าสะสมมากๆโดยไม่มีการเผาผญาณเลยเราก็จะได้รับห่วงยางแถวๆรอบเอวเป็นของแถม
ชาเขียว กับผิวพรรณ
สารต้านอนุมูลอิสระสามารถป้องกันผิวเราจากสารอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของผิงย่น เหี่ยว ริ้ว รอย เนื่องจากอายุที่มากขึ้น
ชาเขียว กับโรคข้อต่ออักเสบ
คุณสมบัติที่สำคัญอีกประการหนึ่งของชาเขียวคือการป้องกันโรคข้อต่ออักเสฐและปวดตามข้อต่างๆ เนื่องจากชาเขียวจะไปขัดขวางการทำงานของเอมไซม์ที่ไปทำลายกระดูกอ่อนๆกรอบๆของเรานั่นเอง
ชาเขียว กับกระดูก
เนื่องจากชาเขียวมีปริมาณของสาร fluoride ค่อนข้างสูงซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่า fluoride เป็นสารที่สำคัญในการสร้างและรักษากระดูกของเราที่แข็งแรง ถ้าเราดื่มชาเขียวทุกๆวันเราสามารถที่จะรักษากระดูกของเราให้แข็งแรงได้น่ะครับผม
ชาเขียว กับ cholesterol
เนื่องจากชาเขียวสามารถลดปริมาณของ cholesterol ในร่างกายเนื่องจากมันเป็นเปลี่ยนอัตราส่วนของ cholesterol ที่ดี กับ cholesterol ที่เลวในร่างกายของเราโดยไปเพิ่มอัตราส่วนของ cholesterol ที่ดีในร่างกายของเรา ปริมาณ cholesterol ที่เลวถ้ามีปริมาณมากเนี่ยมันไปมีส่วนสำคัญในการก่อให้เกิดโรคหัวใจน่ะครับ เพราะฉนั้นอยากให้หัวใจแข็งแรง ก็ดื่มชาเขียวน่ะครับ ปล โรคหัวใจสะออน ชาเขียวช่วยไม่ได้น่ะคร้าบ
ชาเขียว กับความอ้วน
เนื่องจากชาเขียวช่วยป้องกันโรคอ้วนได้โดยการไปหยุดการคลื่นไหวของ glucose ในเซลล์ไขมันของเรา ซึ่งถ้าเราทานอาหารตามสุขลักษณะแล้ว ออกกำลังอย่างพอเหมาะ และดื่มชาเขียวเราก็ไม่น่าที่จะเป็นโรคอ้วนน่ะครับ
ชาเขียว กับเบาหวาน
นอกจากคุณสมบัติของชาเขียวที่จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญปริมาณไขมัน และ glucose ในร่างกายของเราแล้ว ชาเขียวยังสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของเรา ทั้งยังช่วยรักษาอัตราการเผาผลาญสารอาหารในร่างกายของเราอยู่ที่ระดับเหมาะสมด้วยน่ะครับ


อื่นๆเกี่ยวกับ· ชาเขียว

Saturday, September 30, 2006

Galanga (Kha)

Related to giner and looks quite similar,
but is pinkish and has a distinct peppery flavor. Greater Galanga is an erect annual plant with aromatic rhizomes, and commonly used inThai cookery as a flavoring. It can be eateneither raw or cooked. It is used in curry pastes, stir-fries and soups, and available fresh and dried.

Sunday, August 20, 2006

สมุนไพร

"สมุนไพร" เป็นสิ่งที่หลายๆ คนกลับมาให้ความสนใจ เพราะมีอยู่ใกล้ตัวเรา มีอิทธิพลต่อชีวิตความเป็นอยู่ประจำวัน เป็นสิ่งที่ง่ายต่อการทำนุบำรุงและขยายพันธุ์ เนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกได้ หรือไม่ก็ขึ้นเองตามธรรมชาติ
กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้เล็งเห็น ประโยชน์ของสมุนไพร และได้กำหนดไว้ในนโยบายแห่งชาติด้านยา พุทธศักราช 2536 อย่างชัดเจน และให้การสนับสนุนประชาชน ได้ใช้ยาจากสมุนไพรอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
นิยาม ยาสมุนไพร
"สมุนไพร" ตามความหมายของพระราชบัญญัติ หมายถึง ยาที่ได้จากพืช สัตว์ และแร่ธาตุ ซึ่งยังมิได้ผสมหรือแปรสภาพ เช่น พืชก็ยังคงเป็นส่วนต่างๆ ของพื้นนั้นๆ เช่น ราก ลำต้น ดอก ใบ ผล เป็นต้น ฉะนั้นการนำส่วนต่างๆ ของพืชนั้นมาประกอบอาหาร ก็จะทำให้เราได้รับประทานถึง 2 อย่าง คือ คุณค่าทางอาหาร และคุณค่าทางยา ควบคู่กันไปเลยทีเดียว
พ.ศ. 2527 - 28 ได้กำหนดสมุนไพร 57 ชนิด รักษาอาการโรค 24 อาการ ต่อมาในปี พ.ศ. 2537 ได้ตัดอาการโรคบางอาการออก เช่น บิด ฯลฯ และเพิ่มบางอาการโรคเข้าไป เช่น ปวดฟัน ลมพิษ และโรคเริม งูสวัด ได้มีการปรับปรุงแก้ไข และใช้สมุนไพรรวมกันเป็น 61 ชนิด รักษาอาการโรค 21 อาการ ได้แก่
โรคกระเพาะอาหาร
โรคท้องเสีย ท้องเดิน
โรคพยาธิลำไส้
ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
รักษาอาการท้องผูก
รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด
รักษาอาการเบื่ออาหาร
รักษาอาการปวดฟัน
รักษาอาการไอ ระคายคอจากเสมหะ
รักษาอาการขัดเบา
รักษาอาการกลากเกลื้อน
รักษาชันนะตุ
รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
รักษา ฝี แผลพุพอง
รักษาโรคเริม งูสวัด
รักษาลมพิษ
รักษาอาการแพ้ อักเสบจากแมลงสัตว์กัดต่อย
รักษาอาการไข้
รักษาเหา
รักษาอาการเคล็ดขัดยอก
รักษาอาการนอนไม่หลับ
การใช้สมุนไพรรักษาโรค คือการใช้ฤทธิ์ทางเคมีที่มีในเภสัชวัตถุทางธรรมชาติ เป็นสิ่งบำบัด คนไทยมีภูมิปัญญาในการเลือกสรรเภสัชวัตถุที่มีในธรรมชาติ เพื่อการรักษาโรคมาช้านาน ไม่ว่าจากสัตว์ พืช แร่ธาตุต่างๆ มากกว่า ๑,๐๐๐ ชนิด โดยการสังเกต ศึกษาสืบต่อกันมา จนบัญญัติสรรพคุณสมุนไพร เพื่อรักษาโรคได้อย่างชัดเจน ตามรส ๙ ประการ คือ
รสฝาด ใช้ในทางสมานแผล แก้ท้องร่วง บิด บำรุงธาตุ
รสหวาน มีคุณสมบัติซึมซาบไปตามเนื้อ แก้อ่อนเพลีย แก้หอบ ชุ่มคอ เจริญอาหาร
รสเบื่อเมา ใช้แก้พิษสัตว์กัดต่อย พิษน้ำร้อนลวก พิษดี พิษโลหิต แก้ปวดบาดแผล
รสขม บำรุงโลหิต แก้ไข้ตัวร้อน ร้อนใน เจริยอาหาร
รสเผ็ดร้อน แก้ลมจุกเสียด แน่นเฟ้อ ขับลม บำรุงธาตุ ย่อยอาหาร
รสมัน แก้โรคทางเส้นเอ็น ปวดเมื่อย ไขข้อพิการ เอ็นพิการ
รสหอมเย็น ทำให้ชื่นใจ บำรุงหัวใจ อ่อนเพลีย แก้ร้อนใน บำรุงครรภ์
รสเค็ม มีคุณสมบัติซึมซาบไปตามผิวหนัง รักษาบาดแผล แก้โรคผิวหนัง แก้ท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร
รสเปรี้ยว แก้ในทางเสมหะ ฟอกโลหิต แก้ไอ ระบายท้อง แก้เลือดไหลตามไรฟัน